วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

กองทุนน้ำมันจ่อหมดหน้าตัก

 

Pic_142136 

กองทุนน้ำมันจ่อหมดหน้าตัก แนะรัฐขยับเพดานตรึงดีเซลรับราคาพุ่งทั้งปี

นัก วิชาการและผู้ค้าน้ำมันเตือนรัฐรับมือน้ำมันดิบทะยาน 100 เหรียญฯต่อบาร์เรล  จี้เลิกตรึงราคาดีเซลหากหมดหน้าตักวงเงิน 5,000 ล้านบาท  เหตุสูญเปล่า  แถม ศก.ไทยปีนี้ต่างจากอดีต รถยนต์หันใช้ก๊าซหุงต้มและเอ็นจีวีแทนกันแล้ว

นายมนูญ  ศิริวรรณ  ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันเปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบมีทิศทางจะเป็นขาขึ้นตลอดทั้งปีนี้ เนื่องจากมีหลายปัจจัย  ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น  ภาวะความผันผวนของค่าเงิน การเก็งกำไรในน้ำมัน  และที่สำคัญสต๊อกน้ำมันดิบลดลง เพราะกลุ่มสมาชิกผู้ผลิตน้ำมันโลก  (โอเปก)  ส่งสัญญาณไม่เพิ่มอัตราการผลิตและต้องการเห็นระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกใน ระดับ 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ดังนั้น รัฐบาลควรจะปรับเพดานการตรึงราคาดีเซลจากไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร เป็น 32-33 บาทต่อลิตร และหากหมดวงเงินกองทุนน้ำมันที่กันสำรองไว้ 5,000 ล้านบาท  ก็ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกราคาตลาดโลก

"การตรึงราคาน้ำมันดีเซล ของรัฐบาลเปรียบเหมือนการต่อสู้กับค่าเงินบาท ที่ในตอนจบก็ไม่ได้อะไร มีแต่จะสูญเสียเพราะราคาน้ำมันตลาดโลกมีแต่จะปรับขึ้น และกรณีราคาน้ำมันดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตร ที่รัฐบาลสร้างภาพว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ  แต่ในข้อเท็จจริงสภาพเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อปีนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากใน อดีต จึงควรปรับฐานการตรึงราคาเพิ่มขึ้นใหม่ได้แล้ว  เพราะหากวงเงิน 5,000 ล้านบาทหมดลง  ก็ต้องหาแหล่งเงินใหม่มาชดเชยราคาให้ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในต่างจังหวัดก็สูงเกิน 30 บาทต่อลิตรไปแล้ว"

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด  (มหาชน)  กล่าวว่า  หากพิจารณาจากค่าการตลาดน้ำมันกลุ่มดีเซล ขณะนี้เหลือเพียง 1.20 บาทต่อลิตร  ดังนั้น คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จึงควรจะเร่งนำเงินกองทุนน้ำมันมาช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ราคาดีเซลปรับขึ้น เกิน 30 บาทต่อลิตร  โดยเห็นว่ากลไกของ กบง.ค่อนข้างจะล่าช้า ทำให้ผู้ค้ารับภาระนาน จึงควรใช้วิธีเดิมในอดีตที่ให้อำนาจ รมว.พลังงานเป็นผู้เห็นชอบในการชดเชยในวงเงินครั้งละไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตรเพื่อความรวดเร็ว

ทั้งนี้  คาดว่าเงินกองทุนน้ำมันที่ได้เข้ามาอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล 5,000 ล้านบาท คงจะใช้ได้ไม่ถึง 1 เดือน  เพราะราคาตลาดโลกยังพุ่งต่อเนื่อง ล่าสุดราคาน้ำมันดีเซลสิงคโปร์อยู่ที่ 108.75 เหรียญฯดังนั้น แนวทางที่จะไม่สร้างภาระต่อกองทุนน้ำมันมากนักคือ รัฐบาลต้องปล่อยให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศปรับขึ้นลงตามต้นทุนที่ แท้จริง  เพราะหากดูแนวโน้มราคาน่าจะอยู่ในระดับ 31-32 บาทต่อลิตร  ซึ่งจะไม่กระทบต่อต้นทุนภาคขนส่งมากนัก  เพราะหากดูรถบรรทุกหรือรถโดยสารส่วนใหญ่จะปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงไปใช้เอ็นจี วีเกือบหมดแล้ว จึงไม่น่าจะกระทบกับราคาสินค้า

น.ส.ทอแสง ไชยประวัติ ผู้จัดการแผนกวางแผนการพาณิชย์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดว่าในสัปดาห์นี้อาจเห็นราคาน้ำมันดิบตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดเบรนท์ ลอนดอน ปรับสูงถึง 100 เหรียญฯ เหตุจากอากาศหนาวเย็น ทำให้ความต้องการน้ำมันเพื่อสร้างความอบอุ่นเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปัญหาน้ำท่วมในออสเตรเลียทำให้การส่งออกถ่านหินเกิดปัญหาปริมาณถ่าน หินไม่เพียงพอในการผลิตไฟฟ้าของออสเตรเลีย จึงต้องนำเข้าดีเซลเพื่อผลิตไฟฟ้าแทนถ่านหิน ประกอบกับปัญหาท่อส่งน้ำมันในรัฐอลาสกาของสหรัฐฯ ยังขัดข้อง ต้องใช้เวลาซ่อมแซมอีกระยะหนึ่ง ทำให้ปริมาณน้ำมันดิบจากรัฐอลาสกาหายไปจำนวนหนึ่งเช่นกัน ทำให้แนวโน้มในสัปดาห์นี้ ผู้ค้าน้ำมันในประเทศไทยอาจจะต้องตัดสินใจขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและ ดีเซลอีกครั้ง.

แหล่งที่มา : http://www.thairath.co.th/content/eco/142136

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น