วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

โอเปกไม่เพิ่มกำลังผลิต น้ำมันทำสถิติใหม่พุ่งทะลุ


       ราคาน้ำมันพุ่งทะยานทำสถิติปิดเหนือระดับ 104 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลเป็นครั้งแรก หลังกลุ่มโอเปกประกาศไม่เพิ่มกำลังการผลิต
      นายโอมาร์ อิบราฮิม โฆษกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) แถลงหลังการประชุมที่กรุงเวียนนาประเทศออสเตรีย ว่า รัฐมนตรีน้ำมันของประเทศสมาชิกโอเปกทั้ง 13 ชาติ  เห็นพ้องกันที่จะคงกำลังการผลิตน้ำมันไว้ที่วันละ 32 ล้านบาร์เรลต่อไป เนื่องจากเห็นว่าปริมาณน้ำมันดิบสำรองยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้โอเปกจะวิตกต่อความผันผวนของตลาด ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า การเก็งกำไร และสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่ย้ำว่าไม่ได้ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำมันแต่อย่างใด และเชื่อว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันจะลดระดับความร้อนแรงลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตอบรับคำแถลงของที่ประชุมโอเปกในทันที โดยราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ งวดส่งมอบล่วงหน้าเดือนเมษายน พุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่อีกครั้งที่ระดับ 104.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนขยับราคาลงมาปิดที่ 104.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล พุ่งขึ้นจากวานนี้ 5 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยปริมาณน้ำมันดิบสำรองในสหรัฐลดลง เป็นผลพวงผลักดันให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นด้วยด้านประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้นำสหรัฐ เปิดเผยว่า เป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่โอเปกไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน แต่ก็ยืนยันว่าสหรัฐจะต้องยุติการพึ่งพาน้ำมันจากต่างชาติเสียที เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

แหล่งที่มา : http://www.thaigov.go.th/th/useful-information/item/16458-.html

กองทุนน้ำมันจ่อหมดหน้าตัก

 

Pic_142136 

กองทุนน้ำมันจ่อหมดหน้าตัก แนะรัฐขยับเพดานตรึงดีเซลรับราคาพุ่งทั้งปี

นัก วิชาการและผู้ค้าน้ำมันเตือนรัฐรับมือน้ำมันดิบทะยาน 100 เหรียญฯต่อบาร์เรล  จี้เลิกตรึงราคาดีเซลหากหมดหน้าตักวงเงิน 5,000 ล้านบาท  เหตุสูญเปล่า  แถม ศก.ไทยปีนี้ต่างจากอดีต รถยนต์หันใช้ก๊าซหุงต้มและเอ็นจีวีแทนกันแล้ว

นายมนูญ  ศิริวรรณ  ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันเปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบมีทิศทางจะเป็นขาขึ้นตลอดทั้งปีนี้ เนื่องจากมีหลายปัจจัย  ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น  ภาวะความผันผวนของค่าเงิน การเก็งกำไรในน้ำมัน  และที่สำคัญสต๊อกน้ำมันดิบลดลง เพราะกลุ่มสมาชิกผู้ผลิตน้ำมันโลก  (โอเปก)  ส่งสัญญาณไม่เพิ่มอัตราการผลิตและต้องการเห็นระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกใน ระดับ 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ดังนั้น รัฐบาลควรจะปรับเพดานการตรึงราคาดีเซลจากไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร เป็น 32-33 บาทต่อลิตร และหากหมดวงเงินกองทุนน้ำมันที่กันสำรองไว้ 5,000 ล้านบาท  ก็ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกราคาตลาดโลก

"การตรึงราคาน้ำมันดีเซล ของรัฐบาลเปรียบเหมือนการต่อสู้กับค่าเงินบาท ที่ในตอนจบก็ไม่ได้อะไร มีแต่จะสูญเสียเพราะราคาน้ำมันตลาดโลกมีแต่จะปรับขึ้น และกรณีราคาน้ำมันดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตร ที่รัฐบาลสร้างภาพว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ  แต่ในข้อเท็จจริงสภาพเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อปีนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากใน อดีต จึงควรปรับฐานการตรึงราคาเพิ่มขึ้นใหม่ได้แล้ว  เพราะหากวงเงิน 5,000 ล้านบาทหมดลง  ก็ต้องหาแหล่งเงินใหม่มาชดเชยราคาให้ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในต่างจังหวัดก็สูงเกิน 30 บาทต่อลิตรไปแล้ว"

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด  (มหาชน)  กล่าวว่า  หากพิจารณาจากค่าการตลาดน้ำมันกลุ่มดีเซล ขณะนี้เหลือเพียง 1.20 บาทต่อลิตร  ดังนั้น คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จึงควรจะเร่งนำเงินกองทุนน้ำมันมาช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ราคาดีเซลปรับขึ้น เกิน 30 บาทต่อลิตร  โดยเห็นว่ากลไกของ กบง.ค่อนข้างจะล่าช้า ทำให้ผู้ค้ารับภาระนาน จึงควรใช้วิธีเดิมในอดีตที่ให้อำนาจ รมว.พลังงานเป็นผู้เห็นชอบในการชดเชยในวงเงินครั้งละไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตรเพื่อความรวดเร็ว

ทั้งนี้  คาดว่าเงินกองทุนน้ำมันที่ได้เข้ามาอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล 5,000 ล้านบาท คงจะใช้ได้ไม่ถึง 1 เดือน  เพราะราคาตลาดโลกยังพุ่งต่อเนื่อง ล่าสุดราคาน้ำมันดีเซลสิงคโปร์อยู่ที่ 108.75 เหรียญฯดังนั้น แนวทางที่จะไม่สร้างภาระต่อกองทุนน้ำมันมากนักคือ รัฐบาลต้องปล่อยให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศปรับขึ้นลงตามต้นทุนที่ แท้จริง  เพราะหากดูแนวโน้มราคาน่าจะอยู่ในระดับ 31-32 บาทต่อลิตร  ซึ่งจะไม่กระทบต่อต้นทุนภาคขนส่งมากนัก  เพราะหากดูรถบรรทุกหรือรถโดยสารส่วนใหญ่จะปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงไปใช้เอ็นจี วีเกือบหมดแล้ว จึงไม่น่าจะกระทบกับราคาสินค้า

น.ส.ทอแสง ไชยประวัติ ผู้จัดการแผนกวางแผนการพาณิชย์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดว่าในสัปดาห์นี้อาจเห็นราคาน้ำมันดิบตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดเบรนท์ ลอนดอน ปรับสูงถึง 100 เหรียญฯ เหตุจากอากาศหนาวเย็น ทำให้ความต้องการน้ำมันเพื่อสร้างความอบอุ่นเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปัญหาน้ำท่วมในออสเตรเลียทำให้การส่งออกถ่านหินเกิดปัญหาปริมาณถ่าน หินไม่เพียงพอในการผลิตไฟฟ้าของออสเตรเลีย จึงต้องนำเข้าดีเซลเพื่อผลิตไฟฟ้าแทนถ่านหิน ประกอบกับปัญหาท่อส่งน้ำมันในรัฐอลาสกาของสหรัฐฯ ยังขัดข้อง ต้องใช้เวลาซ่อมแซมอีกระยะหนึ่ง ทำให้ปริมาณน้ำมันดิบจากรัฐอลาสกาหายไปจำนวนหนึ่งเช่นกัน ทำให้แนวโน้มในสัปดาห์นี้ ผู้ค้าน้ำมันในประเทศไทยอาจจะต้องตัดสินใจขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและ ดีเซลอีกครั้ง.

แหล่งที่มา : http://www.thairath.co.th/content/eco/142136

เกาะติดข่าว : “โอเปก”

เกาะติดข่าว : “โอเปก” ชี้ปีหน้าจีนจะแซง US ขึ้นแท่น “ประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน” รายใหญ่สุดในโลก (ผู้จัดการ)

4 เม.ย. 2556 10:10:08 / เรียกดู 158 ครั้ง

               เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - “โอเปก” กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกเผยในวันพุธ (3) โดยระบุว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนใกล้จะแซงหน้าสหรัฐอเมริกาในฐานะประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน รายใหญ่ที่สุดของโลกแล้วโดยระบุ ภายในปี 2014 หรือ 1 ปีข้างหน้า จีนจะขึ้นเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่สหรัฐฯ จากความต้องการพลังงานมหาศาลเพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของแดนมังกร สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจที่ยังอยู่ใน “เมฆหมอกแห่งความอึมครึม” ของสหรัฐฯ

               ข้อมูลของกลุ่มโอเปกซึ่งก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1960 และมีสมาชิกในปัจจุบัน 12 ประเทศระบุ ปริมาณการนำเข้าน้ำมันของจีนจะทะลุหลัก 6 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในสิ้นปี 2013 นี้อย่างแน่นอน สวนทางกับปริมาณการนำเข้าน้ำมันของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มจะลดลงอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้วซึ่งสหรัฐฯ มียอดการนำเข้าน้ำมันลดลงถึง 21 เปอร์เซ็นต์

                รายงานของโอเปกระบุว่า ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จีนนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.3 เปอร์เซ็นต์เป็น 5.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน และยังคงมีแนวโน้มที่จีนจะเพิ่มการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ซึ่งหากแนวโน้มยังคงดำเนินเช่นนี้ต่อไปจะส่งผลให้จีนก้าวขึ้นแท่นเป็นประเทศ ผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่สุดของโลกแทนที่สหรัฐฯได้ในปีหน้า ขณะที่สหรัฐฯ ซึ่งครองแชมป์มายาวนานดูจะหันไปให้ความสำคัญกับการสำรวจ ขุดเจาะ และใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานในประเทศของตัวเองแทน
     
              ทั้งนี้ ข้อมูลระบุว่า 10 ประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันสูงที่สุดของโลกในปีที่ผ่านมาประกอบด้วย สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เยอรมนี เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และสิงคโปร์ตามลำดับ

แหล่งที่มา : http://www.mfa.go.th/business/th/news

ข่าวราคาน้ำมัน



แหล่งที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=2mUUtETcZeg

สภา​อิหร่าน​ขัด​ผู้​นำ​ควบ 2 ตำแหน่ง

 

Pic_173604

 

ประธานาธิบดีอิหร่าน หวังควบ 2 ตำแหน่ง ระหว่างรมว.พลังงานและประธานโอเปก ด้านสภา​ผู้​พิทักษ์ชี้ ขัดต่อรัฐธรรมนณูญของประเทศ...


นาย ​อับ​บาส คัด​โค​เดห์ โฆษก​สภา​ผู้​พิทักษ์​แห่งชาติ​อิหร่าน ให้​สัมภาษณ์​หนังสือพิมพ์​ชา​รุก สื่อ​ใน​ประเทศ เมื่อ 22 พ.ค. เพื่อ​คัดค้าน​ข้อ​เสนอ​ของ​ประธานาธิบดี​ มา​ห์มูด อาห์มาดิเนจาด ซึ่ง​ต้องการ​ดำรง​ตำแหน่ง​รัฐมนตรี​กระทรวง​พลังงาน​เชื้อเพลิง ​แทน​นาย​มา​ซูด มี​ร์​คา​เซ​มี อดีต รมว.​ที่​ถูก​ปลด​ออก​จาก​ตำแหน่ง​เมื่อ​สัปดาห์​ก่อน ทั้ง​ยัง​หวัง​จะ​เสนอ​ตัว​เข้า​รับ​ตำแหน่ง​ประธาน​กลุ่ม​ประเทศ​ผู้​ค้า​ น้ำมัน​โอเปก​ใน​ปี​นี้ ซึ่ง​เป็น​วาระ​ประจำปี​ของ​อิหร่าน

แต่​ทั้งนี้ สภา​ผู้​พิทักษ์​ ลง​มติ​ว่า อาห์มาดิเนจาด ​ไม่​อาจ​รับ​ตำแหน่ง​ใน​รัฐบาล​ซ้ำซ้อน​กัน​ได้ เพราะ​ขัด​กับ​รัฐธรรมนูญ​มาตรา 135 ซึ่ง​ผู้​นำ​รัฐบาล​มี​หน้าที่​แต่งตั้ง​ผู้​รักษาการ​แทน​รัฐมนตรี​ที่​ถูก ​ปลด แต่​ไม่​มี​สิทธิ์​รับ​ตำแหน่ง​เอง ทำให้​นัก​วิเคราะห์​ระบุ​ว่า ​รัฐบาล​ชุด​ปัจจุบัน​เริ่ม​ขัดแย้ง​กับ​สภา​ผู้​พิทักษ์ ซึ่ง​กุม​อำนาจ​ใน​การ​บังคับ​ใช้​กฎหมาย​และ​ศาสนา จึง​มี​อิทธิพล​ต่อ​ประชาชน​มาก​กว่า​รัฐบาล

แหล่งที่มา : http://www.thairath.co.th/content/oversea/173604

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

อิหร่านเจอแหล่งก๊าซธรรมชาติใหม่ ในทะเลแคสเปียน



Pic_222862

           รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันของอิหร่านเผยว่า ค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ในทะเลแคสเปียน โดยมีปริมาณก๊าซ ประมาณ 50 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ว่า รอสทาม คาเซมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันของอิหร่าน เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงว่า พวกเขาค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ ซึ่งบรรจุก๊าซธรรมชาติอยู่ถึง 50 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ที่ใต้ทะเลแคสเปียน ภายในน่านน้ำของอิหร่าน โดยอยู่ลึกลงไปใต้ทะเล ประมาณ 700 เมตรทั้ง นี้ อิหร่านถือเป็นประเทศที่ค้นพบก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และยังเป็นชาติผู้ผลิตอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเป็นสินค้าออก (โอเปก) อีกด้วย โดยก๊าซที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ใช้ในประเทศ
 

ทะเลแคสเปียน
แหล่งที่มา : http://www.thairath.co.th/content/oversea/222862
















รมต.น้ำมันซาอุฯ ยัน "โอเปก" จะเพิ่มกำลังการผลิตรับความต้องการตลาดโลก


Pic_144010


                รัฐมนตรีน้ำมันซาอุดีอาระเบียยืนยันกลุ่ม"โอเปก" จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันให้มากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในตลาด โลกในปีนี้ที่คาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นราว 1.5 - 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน...สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 ม.ค. ว่า ซาอุดีอาระเบียให้คำมั่นว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเป็นสินค้าออก หรือ "โอเปก" จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันให้มากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในตลาด โลกอาลี อัล ไนมี รัฐมนตรีน้ำมันซาอุดีอาระเบียออกมาเปิดเผยที่กรุงริยาดห์ว่า ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกในปีนี้น่าจะเพิ่มมากขึ้นราว 1.5 - 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน  ซึ่งซาอุดีอาระเบียเชื่อว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่ทางกลุ่มโอเปกจะเพิ่มกำลัง การผลิตน้ำมันของตนเพื่อสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก   แต่ในขณะเดียวกันทางโอเปกก็ยังคงหาทางควบคุมให้เกิดความสมดุลระหว่างปริมาณ น้ำมันกับราคาน้ำมันในตลาดโลกเช่นกัน  เพื่อไม่ให้เกิดความผันผวนจนกระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลก ดังเช่นเมื่อปี 2008 ที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นไปถึง 147 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4,560 บาทต่อบาร์เรล
         อย่างไรก็ดี  ซาบีน เชลส์  นักวิเคราะห์จาก "เมอร์ริลล์ ลินช์" ออกมาเปิดเผยว่า  มีความเป็นไปได้ที่ทั่วโลกอาจได้เห็นราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปแตะระดับที่ 120  ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,715 บาทต่อบาร์เรล   ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงมากเมื่อเทียบกับราคาที่รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดีอาระ เบียเคยออกมาให้สัมภาษณ์ในปีที่แล้วว่าราคาน้ำมันที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ บาร์​เรลละ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐฯ

      ทั้งนี้  กลุ่มโอเปกที่มีสมาชิก 12 ประเทศมีปริมาณน้ำมันดิบสำรองอยู่ในครอบครองมากกว่า 79 เปอร์เซ็นต์ของแหล่งน้ำมันทั่วโลก  และสามารถผลิตน้ำมันได้มากถึงราว 44 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการทั้งหมดในตลาดโลก.

แหล่งที่ : http://www.thairath.co.th/content/oversea/144010